มายด์ ลภัสลัล เล่าเส้นทางรัก พาย สุนิษฐ์ แฟนหนุ่มทายาทสิงห์ เผยเหตุคบ 7 ปี ไม่เคยลงรูปคู่ เคลียร์คำครหาคบหวังเงิน เชื่อไปมูจนถูกขอแต่งงาน
นักแสดงสาว มายด์ ลภัสลัล เปิดใจครั้งแรก หลังแฟนหนุ่มทายาทตระกูลดัง พาย สุนิษฐ์ คุกเข่าขอแต่งงาน พร้อมเคลียร์คำครหาคบเพราะหวังเงิน พร้อมย้อนเส้นทางความรัก 7 ปีที่ไม่เคยโพสต์ภาพคู่ด้วยกันเลย ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ก่อนหน้านี้แฟนไม่เคยพูดเรื่องแต่งงานมาก่อนเลย? มายด์ : “ไม่เคย เขาไม่ชอบพูดเรื่องแต่งงานอยู่แล้วด้วย เราคบกันมาสักพักประมาณ 5 ปี เราก็อยากถาม อยากรู้ว่าเขาจะยังไง เราจะยังอยู่ในอนาคตด้วยกันไหม เขาบอกอย่าพูดเรื่องแต่งงาน ไม่ชอบพูดเรื่องนี้ เราก็โอเคไม่ชอบพูด เข้าใจได้”
ในที่สุดก็มีวันที่ขอแต่งงานเกิดขึ้น? มายด์ : “ที่ชิลีค่ะ เดินทางเกือบ 36 ชั่วโมง แล้วตรงนั้นใช้เวลาเดินขึ้นไป 5 ชั่วโมงครึ่ง รวมทั้งขึ้นและลงเกือบ 24 กิโล”
มั่นใจว่าต้องไม่ใช่ทริปนี้แน่นอนที่จะขอแต่งงาน? มายด์ : “ทริปนี้มีเซ้นส์แต่ไม่คิดว่าจะเป็นภูเขาลูกนี้”
เห็นว่าวันนั้นถ้ามายด์มีถอดใจหรือท้อสักนิดการขอแต่งงานจะไม่เกิดขึ้นด้วย? มายด์ : “ใช่ค่ะ เรามาคุยกันตอนหลังจากขอเสร็จเรียบร้อยแล้วว่า ถ้าเราคนใดคนหนึ่งถอดใจไป ยูยังจะขอเราอยู่ไหม เขาบอกว่าก็คงอีกนานเลยกว่าจะได้ขอ เขาบอกยังไม่มีแพลน ถ้าไม่ใช่ทริปนี้ก็ยังไม่รู้ว่าทริปไหนที่เป็นโอกาสที่ดีที่ขอ เขาพูดกับเราว่าอันนี้คือสิ่งที่ต้องการ เขาต้องการวันที่เราเตรียมตัวน้อยที่สุด ต้องการวันที่เราไม่ได้แต่งหน้า ทำผม ไม่ได้เตรียมอะไรเลย”
เล่าบรรยากาศหน่อย? มายด์ : “ขึ้นไปบนยอดเขาใช้เวลาไม่นานมาก เหมือนตอนระยะเวลาที่เดินขึ้นเขาไม่ให้พักเยอะด้วย เขาบอกว่ายิ่งพักเยอะ มันจะยิ่งเหนื่อย ก็เลยรีบๆ ขึ้นไป ไปใช้เวลาอยู่บนนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง พักกินข้าวอะไรให้เสร็จเรียบร้อย ใครอยากไปถ่ายรูปตรงไหนก็ไปเลย”
“ณ ตอนนั้นเขาคงหามุมอยู่ เขาบอกว่าไปอันนี้ ไปปีนหินอันนี้กันมันจะได้เห็นแบบสูงๆ แต่จริงๆ คือหลบคน เพราะเขาเป็นคนขี้อายมาก เขามาบอกหนูตอนหลังว่า มันขึ้นไปยาก คนน่าจะไม่ค่อยขึ้นไป สรุปขึ้นไปคนเยอะอยู่ดี พี่ช่างภาพบอกว่ามาถ่ายรูปคู่กันพอถ่ายเสร็จหนูจะเก็บวิวถ่ายสตอรี่ ได้ยินเขาเรียกว่า ยู แล้วหยิบกล่องแหวนขึ้นมา หนูจำได้แค่นี้หลังจากนั้นจำอะไรไม่ได้”
ตอนนั้นความรู้สึกเป็นยังไงบ้าง? มายด์ : “โอ้โห..ช็อกมากไม่คิดว่ามันจะมาเป็นบนนี้ เพราะคุณแม่ไม่ได้อยู่ด้วย เพราะคิดว่าถ้ามันเป็นโมเมนต์สำคัญๆ น่าจะมีคุณแม่อยู่ด้วย”
แล้วงอแงด้วย เพราะว่าสาเหตุหลักๆ ที่ไม่อยากให้เป็นที่นี่เลย เพราะว่า ไม่สวย? มายด์ : “ก็ตอนที่ขอไปแล้ว ยังร้องไห้ไม่จบ เอาแต่พูดว่าเราไม่สวยเลยยู ทำไมต้องขอตอนนี้”
คือพูดไปก่อนยังไม่ได้ตอบรับอะไรด้วย? มายด์ : “ตอนที่เขาขอปุ๊บหนูยังไม่รับแหวน ไม่ตอบรับอะไรทั้งนั้น ยืนร้องไห้ สักพักจะเป็นลม ทรุดไปทีนึงรู้ว่าเขาขอเราแต่งงานกระโดดดีใจ ลุกเร็วหน้ามืดอีก มันเลยเป็นจังหวะ เขาเลยบอกว่ายูไม่รับแหวนสักที จะดึงมือเรามาแต่เขาดันมาจับมือขวาเราอีก ไม่ใช่ๆ มันเลยอลหม่านนิดนึงอยู่บนนั้น แต่ก็สนุกดีค่ะ”
เราตอบตกลงตรงนั้นเลยไหมหรือหายมึนก่อนแล้วค่อยพูด? มายด์ : “ตากล้องเขาทักมา ยังไม่ตอบตกลงเลยนะครับ แต่งๆ ตอนนั้นตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูกเลย”
มันไม่เหมือนในละครเนอะ? มายด์ : “มันไม่เหมือนเลยค่ะ เราเป็นผู้หญิงก็มีความฝันว่าถ้าเราโดนขอแต่งงานจะประมาณไหน แต่พอเกิดขึ้นจริงๆ มันไม่มีเลยภาพนั้น ตอนลงรูป อยากลงรูปตอนที่เขาคุกเข่า แล้วรูปตอนที่คุกเข่าไม่มีหน้าดีๆ เลย ก็เลยขอเขาขออีกรอบได้ไหมยู เราขอเอาไว้ลงรูปหน่อย เขาบอกไม่ได้ คุกเข่าได้แค่รอบเดียว คุกเข่ารอบนี้ลุกขึ้นมันยังจะยากเลย เพราะขาทุกคนตอนนั้นมันล้าไปหมดแล้ว”
พอลงมาเจอแม่แฟนเขาพูดอะไรบ้าง? มายด์ : “คุณแม่เป็นคนเอาแหวนไปให้จากที่ไทย คุณแม่กับทุกคนรออยู่ที่โรงแรม พนักงานโรงแรมเขาก็รอเปิดแชมเปญ มีดอกไม้ เราก็เซอร์ไพรส์รอบสองทุกคนรออบอุ่นมาก”
เห็นบอกว่ามีประโยคอบอุ่นด้วย? มายด์ : “ใช่ค่ะ เขาบอกว่าดีใจนะได้มาเป็นส่วนหนึ่งครอบครัว ดีใจที่เป็นมายด์ดูแลพาย อยากให้ช่วยดูแลพายต่อไป”
จริงๆ คุณพายขอตั้งแต่เดือนกุมภาแล้ว แต่ทำไมเพิ่งประกาศลง? มายด์ : “เขาขอเราไว้ก่อนว่าอย่าเพิ่งบอกใคร เพราะว่าเรายังไม่ได้บอกพ่อกับแม่ยูเลย อยากให้ขอพ่อกับแม่ยูให้เป็นเรื่องเป็นราวก่อน แล้วค่อยบอก”
พอขอคุณพ่อคุณแม่โอเค ได้ลงรูปเลยไหม? มายด์ : “ยังค่ะ ตอนนั้นประมาณวันศุกร์กลางคืน บอกว่าวันวันจันทร์ขอลงเลยนะ เขาบอกว่าแป๊บนึง ขอเวลาทำใจก่อน เขาก็ผลัดไปเรื่อยๆ”
ทำใจเรื่องอะไร? มายด์ : “เขาไม่ค่อยอยู่บนสื่อ เป็นคนที่ค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัวนิดนึง เขารู้สึกว่าถ้าเขาไปอยู่ที่มีคนเห็นเขาเยอะ เขาอาจจะไม่ชิน เลยขอเวลาทำใจก่อน”
ตลอด 7 ปีที่คบกันไม่เคยเห็นรูปคู่เลย? มายด์ : “ค่ะ”
เขาขอเอาไว้หรือเราตั้งใจจะไม่ลง? มายด์ : “เขาขอ คือเรื่องลงรูปไม่ลงรูปมันเป็นเรื่องที่เราต้องคุยกันอยู่แล้ว บางทีเราก็มีโมเมนต์วันเกิดเขาหรือเทศกาลสำคัญๆ ก็อยากลง ยูขอลงเบิร์ธเดย์ได้ไหม เขาบอกไม่เอาๆ เดี๋ยวคนเห็นเยอะ คือเราใช้ชีวิตกันปกติมาก ตอนลงไปปุ๊บก็จะมีคนมาคอมเมนต์เห็นไปโผล่ช่องป๊อกกี้บ่อย คือแฟนมายด์เป็นเพื่อนสนิทพี่ป๊อก ก็จะมีคนสังเกต คือเราใช้ชีวิตปกติแค่ไม่ได้ลงโซเชียลเท่านั้นเอง”
พอลงรูปไปแล้วกระแสเป็นยังไงบ้าง? มายด์ : “แฟนช็อกนิดนึง เขายังไม่ชิน หนูมีรูปตลอด 7 ปี แต่ก็ไม่ได้โพสต์ที่ไหนก็เก็บไว้ดูกันเอง”
หลายคนคงจะรู้แล้วว่าคุณพายเป็นทายาทตระกูลเบียร์สิงห์? มายด์ : “ใช่ค่ะ”
พอเปิดตัวก็มีข่าวเลย แต่งงานคบคนนี้เพราะหวังเงินหรือเปล่า? มายด์ : “ต้องบอกว่า 7 ปีที่ผ่านมา มันพิสูจน์อะไรหลายๆ อย่างของมายกับเขาเยอะมาก เขารู้ว่าเราเข้ามาเพราะเรารักเขาจริงๆ เขาอยู่กับเรา เพราะเขารักเราจริงๆ เพราะฉะนั้นมันไม่มีข้อกังขาอะไรแล้ว แล้วอีกอย่างที่บ้านแฟนน่ารักทุกคน ต่อให้หนูเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ ที่บ้านก็ยังน่ารักกับหนูทุกคน”
อยากบอกอะไรกับคอมเมนต์ทั้งหลายเหล่านั้นไหม? มายด์ : “จริงๆ ก็ไม่แปลกถ้าหลายคนจะคิดแบบนั้น ให้ระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะอะไรที่เป็นของจริงหรือว่าอะไรที่เป็นความรู้สึกจริงๆ ทุกคนจะสัมผัสและเห็นได้เอง”
แหวนกี่กะรัต? มายด์ : “หนูไม่รู้ว่ากี่กระรัต หนูไม่ได้โฟกัสแหวนว่าจะต้องเป็นกี่กะรัต แต่คุณค่าทางใจและเป็นโมเมนต์ที่เราได้รับตอนที่เขาใส่ให้เรามันประเมินค่าไม่ได้”
แหวนมันมีประวัติและมีคุณค่ามากๆ ของบ้านนี้? มายด์ : “คือมันเป็นแหวนของฝั่งพ่อแฟนซึ่งเป็นของคุณย่าที่ให้คุณพ่อแฟนมาหมั้นกับคุณแม่ แล้วแหวนหมั้นวงนี้เป็นแหวนหมั้นของหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ซึ่งท่านไม่ได้มีลูกก็เลยตกทอดมาถึงคุณย่า คุณย่าเลยให้คุณพ่อกับคุณแม่แต่งงานกัน คุณย่าแฟนมายด์เขาไปแต่งงานกับคนสก็อตแลนด์”
ย้อนเวลาหน่อยไปเริ่มต้นรู้จักกันได้ยังไง? มายด์ : “น้องสาวพี่มาร์กี้จับแมชต์กันให้ เราเล่นละครเรื่องน้องใหม่ด้วยกัน ตอนนั้นมายด์โสด เหงา ตอนนั้นแฟนเก่าเป็นเพื่อนสนิทกับแฟนปัจจุบันของหนู ก็ชวนไปกินข้าวก็เจอเลย มีโอกาสได้คุย ได้แลกเปลี่ยนนู่นนี่นั่นกัน ก็ทำให้รู้ว่าเขาชอบฟังเพลงเหมือนกัน ดูคอนเสิร์ต ไลฟ์สไตล์ตรงกัน ตอนแรกไม่รู้จะคุยอะไรกัน มีคนใดคนนึงเปิดเรื่องเพลงมาทีนี้เลยคุยได้ยาว”
รู้มาว่าคุณพายมีสเป๊กอีกอย่าง คุณมายด์ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาชอบ? มายด์ : “ก่อนที่จะมาเจอ เราก็ต้องเห็นก่อนว่าเขาหน้าตาประมาณไหน เขาเล่าให้เราฟังว่า เพื่อนเขาเอาไอจีเรามาเปิดให้เขาดู เขาตกใจมาก คนนี้เป็นใครทำไมยอดฟอลเยอะ เขาไม่ได้ดูละคร ไม่ได้ดูทีวีอะไรเลย คนนี้ไม่น่าใช่สไตล์เขา เพราะยังดูอินโนเซ้นส์ น่าจะไม่ใช่สไตล์เขาแต่ไปเจอก็ได้”
แล้วเขาสไตล์เราไหม? มายด์ : “สไตล์เรา เราชอบแบบหนุ่มลูกครึ่งๆ มีลักยิ้ม ตาโตๆ”
ตอนแรกที่คุยกัน เพื่อนบอกว่าชื่อพาย แต่ไม่ได้บอกว่าคือตระกูลไหน? มายด์ : “เขาบอกว่าชื่อพาย เป็นเพื่อนแฟนเขา ลองไปเจอคนนี้น่าจะเข้ากับมึงได้”
แล้วไปเริ่มเอ๊ะตอนไหน น่าจะไม่ธรรมดาแล้ว? มายด์ : “หลังจากที่กินข้าวเสร็จมื้อนั้น บ้านเขาอยู่ใกล้ๆ ร้านอาหาร ก็เลยบอกว่าไปชิลกันต่อที่บ้านมีเครื่องดนตรีเยอะมาก ก็เลยโอเคไปกันทั้งหมด เปิดตู้เย็นทำไมน้ำสิงห์เรียง เบียร์เรียงไม่มียี่ห้ออื่นเลย มารีน่าเลยบอกว่าเขาเป็นลูกหลานบ้านนั้น”
ตอนนั้นที่รู้ตกใจไหม? มายด์ : “ก็ตกใจนิดนึง ถึงว่าเบียร์เต็มตู้เลย”
เราชอบอะไรในตัวเขา? มายด์ : “เขาเป็นคนดีมาก ทุกคนจะพูด โดยเฉพาะน้องสาวหนูเขาจะรู้ว่าหนูนิสัยยังไง เขาบอกว่าพี่พายเขาทำเวรทำกรรมอะไร ถึงได้มาเจอคนอย่างมึง คือหนูไม่ได้เป็นผู้หญิงที่เรียบร้อย กุลสตรีคือศูนย์ ทุกคนที่รู้จักหนู จะรู้ว่าหนูเป็นยังไง เขาเป็นผู้ชายที่สุภาพ เรียบร้อย น่ารักคำหยาบก็ไม่พูด รักสัตว์อ่อนโยน”
คุยกันนานไหมกว่าจะสรุปว่าเราสองคนอยู่ในสถานะอะไร? มายด์ : “ไม่เคยระบุสถานะกันเลย คือหนูเวลามีแฟน เราจะไม่เคยบอกแบบเธอเราเป็นแฟนกันนะ หรือว่าเธอเราเป็นอะไรกัน เหมือนคบๆ คุยกันไปเรื่อยๆ แล้วเหมือนรู้กันไปเองว่านี่คือแฟน เรื่องวันครบรอบไม่มีเลย ไม่ว่าจะเป็นแฟนคนไหน แต่จะรู้ว่าเดือนนี้ วันเดือนที่เราได้แบบกินข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกันมื้อแรก ครั้งแรก”
7 ปีทะเลาะกันอยู่เรื่องเดียว? มายด์ : “เรื่องของกิน ในความสัมพันธ์เราเรื่องกินเป็นเรื่องที่ทะเลาะกันบ่อยที่สุด มันมีครั้งนึงที่เขาโกรธเราแบบจริงจัง โดยที่เรารู้สึกว่ามันเว่อร์เกินไปหน่อย คือตอนนั้นไปเดทกันที่อยุธยา เขาพาเราไปเดทที่ค่ายบางระจัน เขาเป็นคนชอบอะไรที่เป็นศิลปะแบบไทยๆ ศรัทธาพระเจ้าตาก ได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหาร สั่งกุ้งเผาคนละตัว เราไม่รู้ว่าเขาชอบเก็บของอร่อยไว้กินทีหลัง แล้วเหมือนเขาหันไปถ่ายรูป เราก็ตักมันกุ้งเขามากิน เขาหันมามันกุ้งเขาหาย เขาถามเรากินมันกุ้งไปเหรอ ก็บอกว่าใช่ ก็ทะเลาะกันหนักมาก เลยบอกสั่งให้ใหม่ไหม เดี๋ยวเรากินเนื้อก็ได้ แล้วยูกินมันกุ้ง เขาบอกไม่เราจะกินตัวนี้ เล็งไว้แล้ว”
ไปมูที่ไหนมาถึงได้ผู้? มายด์ : “มูได้ผู้เพื่อนเป็นคนจัดให้ แต่มูโดนขอแต่งงาน หนูว่าหนูไปขอที่ฮ่องกงมาที่วัดด้ายแดง หนูระบุเรื่องเลยว่าขอให้เราโดนขอแต่งงานปีนี้ ไปขอมกราคม กุมภาพันธ์ขอเลย”
หมอดูทักด้วย? มายด์ : “ใช่ค่ะ เราไปดูหลายๆ หมอเหมือนกัน ทักเหมือนกันหมดเลย 3 หมอปีหน้าไม่เกินมีนาคมจะมีข่าวดี เราเลยเพิ่มความแม่นยำด้วยการไปขอที่ฮ่องกง”